เทศน์เช้า วันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๔๗
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดสันติธรรมาราม ต.คลองตาคต อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
เวลาเราจะปฏิบัติธรรมกันนะ เวลาเราจะปฏิบัติธรรม แล้วเราไม่สมความปรารถนา ทำอะไรไม่สมความปรารถนาก็เรียกร้องนะ จะเรียกร้องสิทธิมนุษยชน จะเรียกร้องสหประชาชาติว่า เราต้องการ อย่างพวกที่ว่าเขาบวชไม่ได้ เขาอยากบวช ต้องเรียกร้องสิทธิ
มันเป็นพินัยกรรม ถ้าเป็นพินัยกรรม เห็นไหม พ่อแม่เขียนพินัยกรรมไว้ให้ลูก แล้วพินัยกรรมนั้นพ่อแม่เขียนไว้แล้วแต่ว่าคนไหนควรจะได้อย่างไร อยู่ที่จริตนิสัยของคนนั้น คนที่เลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ คนที่ทำคุณงามความดี พ่อแม่ก็ให้คนนั้นมากหน่อย แล้วถ้าคนนี้แบบว่าคนที่ว่าไม่เอาการไม่เอางาน ให้สมบัติไปก็รักษาไม่ได้ก็ให้น้อยหน่อย สิ่งที่ให้มากให้น้อยพ่อแม่เป็นคนให้มาใช่ไหม
สิทธิไง สิทธิที่ว่าเราจะได้ เราจะบวชไม่ได้เพราะว่าเราเป็นบัณเฑาะก์ เราบวชไม่ได้ แล้วเราจะเรียกร้องสิทธิมนุษยชน เรียกร้องสิทธิมนุษยชนมันเป็นเรื่องของโลก กฎหมายเป็นสิ่งที่โลกเขียนขึ้นมา แต่ธรรมวินัยนี้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบัญญัติมาไว้ บัญญัติสิ่งนี้มา มันสิ่งที่ว่าถ้าลูกเรานะ เป็นคนที่เกเรเกตุงนี่จะเข้าไปในครอบครัวนี่ ทำให้ครอบครัวเรามีปัญหา
นี่ก็เหมือนกัน ถ้านิสัยเป็นแบบนั้นบวชเข้าไปแล้วก็จะมีปัญหา แต่คนเกิดมานิสัยเป็นอย่างนั้นใช่ไหม แต่ว่าเขาทำคุณงามความดีได้ นี่ไม่ปิดเรื่องนรกสวรรค์นะ คือว่าเราบวชได้ไม่ได้ก็แล้วแต่ ถ้าเราประพฤติปฏิบัติ จิตของเราไม่มีหญิงไม่มีชาย เวลามรรคผลนิพพานเกิดขึ้นมาจากใจไม่มีหญิงไม่มีชาย สิ่งที่ไม่มีหญิงไม่มีชายเพราะว่าเราทำของเราได้ นี่ถ้าเราทำของเราได้ ทำไมเราต้องไปเรียกร้องสิ่งนั้นล่ะ
เราไปเรียกร้องสิทธิมนุษยชน เรียกร้องว่าผิดรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญเขียนอย่างนั้น รัฐธรรมนูญใครเป็นคนเขียน รัฐธรรมนูญของประเทศไทยฉีกทิ้งมากี่ใบแล้ว ฉีกทิ้งมากี่ฉบับแล้ว ฉบับนี้เป็นฉบับที่เท่าไหร่แล้ว รัฐธรรมนูญฉีกมาตลอด แต่ธรรมวินัยนี้เป็นของจริง เป็นสัจจะ เป็นสิ่งที่สัจจะชี้เข้าถึงการดับทุกข์ได้
ถ้าว่าเราไม่พอใจนะ เราเรียกร้องสิทธิของเรา แต่เวลาเราทุกข์ขึ้นมาทำไมเราไม่เรียกร้องสิทธิของเราล่ะ สิ่งนี้มันเป็นที่การเรียกร้อง มันเป็นเรื่องของโลก โลกคิดกันอย่างนั้น แต่ความเป็นจริงแล้วมันไม่เป็นอย่างนั้น ความเป็นจริงนะ สัจจะความจริงสิ่งที่เราเกิดขึ้นมานี่ มันเกิดจากสภาวะกรรม เราทำกรรมสิ่งใดมา เวลาทำกรรมสิ่งนั้นมา สิ่งนี้เกิดขึ้นมา
แม้แต่ในครั้งพุทธกาล พระอรหันต์องค์ต่างๆ ก็บารมีไม่เหมือนกัน ความเสมอกัน ความสะอาดบริสุทธิ์เหมือนกัน แต่อำนาจวาสนาต่างกัน สิ่งที่อำนาจวาสนาต่างกัน มันถึงต่างกันโดยสัจจะ แล้วเราจะบอกเรียกร้องให้เสมอกัน เท่ากัน เสมอกัน มันเป็นไปไม่ได้
ดูสิ ดูอย่างลัทธิคอมมิวนิสต์ เห็นไหม เสมอภาค ทุกคนต้องเสมอภาค เป็นผู้มีเสมอภาคหมด เสมอภาคของเขาอย่างนั้นนะ นี่เราไปเจอเขาอยู่ในป่า เขาบอกคอมมิวนิสต์คนแรกคือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนเรื่องความเสมอภาค เราบอกไม่ใช่หรอก สิ่งที่เสมอภาคคือเสมอภาคกันด้วยความบริสุทธิ์ แต่สิ่งที่ว่าสิทธิหน้าที่ต่างๆ นี่มันเสมอภาคกันไม่ได้ มันเสมอภาคกันไม่ได้เพราะกรรมคนสร้างมาต่างๆ กัน ในเมื่อคนเราสร้างกรรมมาต่างกัน เหมือนเราเกิดมา นิ้วห้านิ้วเราไม่เท่ากัน เราจะตัดนิ้วเราทำให้เสมอกันมันเป็นไปได้ไหม นิ้วโป้งเป็นนิ้วที่มีคุณประโยชน์มาก ถ้าไม่มีนิ้วโป้งทำสิ่งใดก็ยาก
นี่ก็เหมือนกัน คนถ้าเป็นหัวหน้า คนที่จะเป็นหัวหน้า นี่โคนำฝูง ทำไมองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องประพฤติปฏิบัติ ต้องสร้างสมบารมีมาเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าล่ะ สาวกะสาวกสร้างสมบารมีมาต่างกัน ผู้ที่สร้างมาต่างกัน เหตุมันสร้างมาต่างกันแล้วจะให้เสมอกันมาได้อย่างไร ในเมื่อคนมันกว้างขวางมาอย่างนั้นแล้วเราจะให้คับแคบมาเป็นไปได้อย่างไร สิ่งนี้เป็นสัจธรรมความจริง
เราต่างหาก ถ้าว่าเราไม่พอใจ เราต่างหากต้องไม่ยอมรับผลจากพินัยกรรมนั้น ถ้าเราไม่รับผลจากพินัยกรรมนั้น คือว่าเราไม่เรียกร้อง ไม่เรียกร้องสิ่งนั้น เราไม่แก้ไขพินัยกรรม ถ้าเราไปแก้ไขพินัยกรรม เราเป็นคนแก้ เราเอาความทุกข์ของเราเอาความเห็นของเราเข้าไปแก้ แต่พ่อแม่ของเราเป็นคนแสวงหาสิ่งนี้มา แล้วพ่อแม่เห็นว่าควรจะวางไว้อย่างไร เพื่อจะให้ครอบครัวร่มเย็นเป็นสุข เห็นไหม สังฆะ สังฆะถ้าอยู่ร่มเย็นเป็นสุข ทิฏฐิเสมอกัน ความเห็นเสมอกัน
แต่ถ้าพูดถึงนะ ว่าในวงการพระเราจะไม่มีผู้ที่แปลงเพศเข้ามาบวชหรือ มันก็มีได้ มีได้เพราะอะไร? เพราะเวลาคนเราบวชขึ้นมา เริ่มต้นก็ปกตินี่แหละ แต่เมื่ออายุมากขึ้นๆ มันแปรไปอย่างนั้น แล้วมันจะสร้างสมสิ่งที่เป็นปัญหาในสังคมไหม ในสังคมของพระจะมีปัญหาไหม
ในเมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าวางธรรมไว้เพื่อความพ้นทุกข์นะ สิ่งที่เป็นความพ้นทุกข์ สิ่งใดที่เป็นประโยชน์กับการพ้นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นประโยชน์ ถึงสงวนรักษาสิ่งนี้ไว้ แต่เราเอาความปัญญาหางอึ่งของพวกเรา ปัญญาความคิด ความเสมอภาคทางวิทยาศาสตร์ ทางเสมอภาคทางนี้แล้วก็เรียกร้องเอาเสมอภาค เราเรียกร้องเอาไง เราต่างหากจะไม่นับถือศาสนาพุทธก็ได้ จะไม่นับถือศาสนาก็ได้ เห็นไหม สิทธิเสมอภาคการนับถือศาสนา ใครจะนับถือศาสนาก็ได้
แต่เมื่อนับถือเข้าไปแล้ว แล้วเราไปแก้ไขสิ่งนั้น เช่น อย่างในวินัยบอกเลยว่า เนื้อ ๑๐ อย่าง ภิกษุห้ามฉัน ห้ามฉันเนื้อ ๑๐ อย่าง เนื้อสุนัข เนื้อต่างๆ แล้วดูประเพณีวัฒนธรรมสิ วัฒนธรรมทางเมืองจีน ทางมหายาน เขากินเนื้อหมากัน สิ่งที่เขากินเนื้อหมากัน แล้วเขาไม่ได้กินด้วยธรรมดานะ เขากินด้วยว่าสิ่งนี้อาหารที่มีประโยชน์มาก เป็นยาโด๊ปของเขา แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่าห้าม ห้ามฉันเนื้อสัตว์ ๑๐ อย่างนี้ ฉันแล้วมันจะเป็นปัญหา อย่างเช่นเรากินเนื้องู มันจะมีกลิ่นของงูเข้าไป เราออกประพฤติปฏิบัติ มันจะมีปัญหา
แล้วอย่างสภาวะกรรม เราคิดเอาทางวิทยาศาสตร์ว่าสัตว์นี้เกิดมาเป็นอาหารของคน แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกจิตนี้เกิดมาต่างๆ กัน เกิดเป็นสัตว์ก็ได้ เกิดเป็นคนก็ได้ กรรมของสัตว์มันเกิดมาต่างกัน ในเมื่อเขาเกิดมาเป็นหมาก็แล้วแต่ เขาอาจจะเป็นพระโพธิสัตว์ชาติหนึ่งก็ได้ เพราะในสมัยพุทธกาลพระโพธิสัตว์เกิดเป็นกระต่าย เกิดเป็นกวาง เกิดเป็นต่างๆ แต่เกิดแล้วเป็นหัวหน้าสัตว์ เป็นผู้ที่สร้างสมบารมีแล้วเราไปทำลายชีวิตเขา ในศาสนาที่ว่าธรรมวินัยบัญญัติไว้อย่างนี้ แต่เวลาเผยแพร่เข้าไปในวัฒนธรรมต่างๆ แล้วก็จะเรียกร้องเอาตามวัฒนธรรมนั้น ตามวัฒนธรรมนั้นต้องธรรมวินัยต้องเข้าอย่างนั้น ต้องแปรเปลี่ยนไปสภาวะแบบนั้น
อันนี้มันเป็นความเห็นของโลกเขา คือว่าจะเรียกร้องสิทธิมนุษยชนนี้เป็นเรื่องของคนที่มีกิเลส สิ่งที่คนมีกิเลสจะต้องมีคนเห็นไม่รอบคอบ สิ่งที่ไม่รอบคอบจะไปทำวินัยให้บิดเบือนไปตามความเห็นของตัวนั้น มันเป็นไปไม่ได้ มันเป็นเรื่องของโลก นี่หลวงตาถึงบอกว่า ธรรมเหนือ ธรรมเหนือกฎหมาย ธรรมเหนือทุกๆ อย่าง เพราะอะไร? เพราะกฎหมายต้องการให้คนทำความดี แต่ถ้าคนทำคุณงามความดี ดีจนพ้นกฎหมายไปนี่ ธรรมเหนือสภาวะแบบนั้น
แล้วก็บอก เห็นไหม ความเห็นของเรา ความเห็นของผู้ที่มีกิเลส ทำไมพระองคุลีมาลฆ่าคนมา ๙๙๙ ศพ ทำไมให้บวชได้ แต่เรามีความผิดมีความเบี่ยงเบนแค่นี้ทำไมให้บวชไม่ได้ พระองคุลีมาลนะ ก่อนที่จะบวชเขาเหมือนกับเขาเป็นคนโดยสารรถประจำทางไป แล้วรถประจำทางนั้นไปชนสิ่งต่างๆ เขาไม่ใช่เป็นคนขับรถนั้นนะ เขานั่งรถเมล์นั้นไป แล้วรถเมล์นะบุกไป ชนต่างๆ คือว่าลงถนนไป ทับคนตายไป
นี่ก็เหมือนกัน พระองคุลีมาลไม่มีเจตนาในการฆ่าคน มีเจตนาต้องการอยากจะได้วิชาการนั้น แต่เพราะโดนอาจารย์หลอกว่า ถ้าจะเอาวิชานี้ต้องเอานิ้วมือของคน ๑,๐๐๐ นิ้วมาแลก นี่เจตนาฆ่าคนไม่มี เจตนาต้องการไง ต้องการสิ่งที่ว่าอยากได้วิชาการนั้น แต่สิ่งที่ไปแลกมา ต้องการสิ่งนี้ นี่เจตนาเป็นอย่างนี้ ในเมื่อเจตนาเป็นอย่างนี้ เขาเป็นคนดีคนหนึ่งแต่เขาหลงผิดไป เจตนาของเขาไม่มี พอเจตนาของเขาไม่มี องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเล็งญาณอยู่ วันนี้ถ้าไม่ไปโปรดองคุลีมาลเขาจะฆ่าแม่ของเขา ถ้าฆ่าแม่ของเขาเป็นอนันตริยกรรม จะบาปมาก จะไม่มีโอกาส ถึงต้องไปโปรดอันนี้ก่อน ไปโปรดองคุลีมาล แล้วองคุลีมาลสำเร็จเป็นพระอรหันต์
แต่ในเมื่อถ้าเราเบี่ยงเบน ความเห็นของเราเบี่ยงเบนอย่างนี้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ให้บวช นี่เป็นธรรมวินัยนะ เพราะเวลาบวช เป็นมนุษย์หรือเปล่า เป็นผู้มีศีลหรือเปล่า นี่ก็ต้อง อามะ ภันเต อามะ ภันเต ในเมื่อบวชมันไม่บริสุทธิ์แล้ว มันเป็นไปไม่ได้ เพราะบวชเข้ามาแล้วเหมือนวัยรุ่นนะ วัยรุ่นมันขี่รถเครื่อง มันทำรบกวนเขาไปทั่วเลย มันทำเสียงหนวกหูไปทั่ว แต่มันพอใจ มันมีความสุขของมัน
ในเมื่อเรามีการเบี่ยงเบนนี่ เรามีเจตนา เราเป็นความคิดของเรา มันเข้าไปบวชในสงฆ์ มันก็เข้าไปมีปัญหาในสงฆ์ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าป้องกันตรงนี้ ป้องกันตรงที่ว่าต้องให้สังฆะนี้บริสุทธิ์ ให้เสมอกันด้วยทิฏฐิ ให้เสมอกันด้วยศีล ให้เสมอกันเป็นสัปปายะ ๔ ถ้าสัปปายะ ๔ นี้มีอยู่ การประพฤติปฏิบัตินี้สงฆ์นี้จะมั่นคง สงฆ์นี้จะเจริญต่อไป
ในเมื่อเราบวชเป็นสภาวะแบบนั้น ถ้าพูดถึงเราบวชไม่ได้ ในความซื่อสัตย์ของเรานะ แต่ถ้าเราไม่บอกอุปัชฌาย์ ไม่บอกใคร เราทำอย่างไร มันก็อาจจะบวชเข้าไปได้ แล้วในสังคมสงฆ์ก็มีอย่างนี้เหมือนกัน เพราะเวลามีอย่างนี้ขึ้นมามันจะเข้าไปมีปัญหา
ถ้าคิดทางโลกไง ทำไมฆ่าคนมา ๙๙๙ ศพ นี่มันโทษมากนะ ทำไมให้บวช ให้บวชเพราะเขาไม่มีเจตนา หนึ่ง เพราะเขามีบุญกุศลของเขาสร้างมาเป็นพระอรหันต์ หนึ่ง เพราะบวชแล้วเขาได้เป็นพระอรหันต์ แต่ถ้าเราไม่มีสิ่งนี้เข้ามา บวชเข้ามามันจะเข้าไปปั่นป่วนในสังคมของสงฆ์ พ่อแม่ถึงบอกว่า ถ้าลูกเกเรจะทำให้พี่น้องเขาเดือดร้อนไปด้วย ถ้าลูกคนนี้ดี เห็นไหม ทำไมพ่อแม่จะไม่รักลูก ทำไมองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องการรื้อสัตว์ขนสัตว์ ทำไมจะไม่เมตตาสงสารทั้งหมด ทำไมอุตส่าห์เทศน์สอนเทวดา สอนอินทร์ สอนพรหมล่ะ แล้วเวลาคนตั้งใจจะปฏิบัติ ทำไมปฏิเสธล่ะ เพราะมันมีส่วนได้เสียไง
ในครั้งพุทธกาลมันมีครอบครัวหนึ่ง มีลูกสาวสวยมาก มีลูกสาว มีวาสนามากจะให้ใครก็ไม่ได้ สงวนรักษาลูกสาวไว้มาก จนวันหนึ่งไปเห็นรอยเท้าขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเดินไปไง เดินไป รอยเท้านี้ผู้นี้ไม่เสพกาม นี้คือลูกเขยของเรา พยายามจะไปตามลูกสาวมาจะให้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ลูกสาวเขา ต้องการถวายองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพิจารณาดูแล้วนะ ถ้าเทศน์ออกไปจะได้พ่อกับได้แม่ แต่ลูกสาวจะอาฆาตมาก ถึงได้เทศน์ว่าลูกสาวนี้เป็นอสุภะ ร่างกายนี้เป็นของอสุภะ เป็นของเน่าของเปื่อย เป็นของที่ไม่มีประโยชน์เลย แม้แต่ขี้ตีนเราก็ไม่ให้แตะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเทศน์อย่างนี้นะ พ่อแม่ฟังธรรมได้เป็นพระอนาคามี ศรัทธามากได้เป็นพระอนาคามี แต่ลูกสาวนั้นชื่ออะไรที่ว่าไปได้กับกษัตริย์ แค้นมาก ตามจ้างเขาด่า เวลาจะสั่งสอนจะรื้อสัตว์ขนสัตว์ ได้พ่อได้แม่สองคน แต่ลูกสาวนั้นเป็นมิจฉาทิฏฐิ แล้วทำลายองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาตลอด
นี่ก็เหมือนกัน ในการบัญญัติธรรมบัญญัติวินัยนะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามองทะลุหมดเลย รู้แจ้งโลกธาตุหมด สิ่งใดควรไม่ควร สิ่งใดทำไม่ทำ ถึงบัญญัติสิ่งนี้ไว้ได้ แล้วเราจะไปเรียกร้องสิทธิมนุษยชน เรียกร้องว่าผิดรัฐธรรมนูญ นี้เป็นเรื่องของโลกของเขา
ถ้าเราคิดแบบโลกใช่ไหม เดี๋ยวนี้โลกเปลี่ยนแปลงแล้ว โลกเปลี่ยนแปลงไป องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่า ธรรมวินัยบางอย่างที่เล็กน้อยให้แก้ไขได้ๆ แล้วนี่มันเล็กน้อยไหม? มันทำให้สังคมปั่นป่วนมันจะเล็กน้อยได้อย่างไร ในเมื่อสังคมมันปั่นป่วน สังคมสงฆ์มันปั่นป่วนมันจะเล็กน้อยไหม
ถ้ามันไม่เล็กน้อย เราก็ต้องว่าอยู่ในธรรมอยู่ในวินัย โลกสิ่งนั้นเป็นอย่างนั้นไป มันเพียงแต่ว่า คือว่าเป็นมหาประเทศ ๔ สิ่งใดที่ไม่บัญญัติแล้วสิ่งที่เกิดในปัจจุบันไม่เป็นอย่างนั้น ให้ถือว่าไม่บัญญัติ สิ่งใดที่บัญญัติแล้ว แล้วถ้ามันเข้าได้กับบัญญัตินั้น ในโลกปัจจุบันนี้เกิดขึ้นมา นี่เราอนุโลมสิ่งนี้ได้ มหาประเทศ ๔ คือว่าต้องการให้พวกเราดำรงชีวิตไว้ในสังฆะไง ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ให้ศาสนานี้เจริญรุ่งเรืองยั่งยืนต่อไป ยั่งยืนต่อไปเพื่อให้เป็นยารักษาใจเรานะ
ถ้าเรามีความทุกข์ เรามียารักษา เราก็จะมีโอกาส ถ้าเรามีความทุกข์แล้วเราไม่มียาเลย ยานี้ก็มีคนแก้ไขไปเรื่อย ลดทอนคุณภาพของยาลงไปเรื่อยๆ ยามีคุณภาพขนาดนี้ เราประพฤติปฏิบัติ เรายังมีปัญหาขนาดนี้ แล้วถ้ายามันคุณภาพมันน้อยไปๆ น้อยไปนะ ถึงที่สุดแล้วเราจะเข้ามรรคอริยสัจจังได้อย่างไร เราจะเข้าภาวนามยปัญญาได้อย่างไร จิตของเราจะทำลายกิเลสไปได้อย่างไร สิ่งนี้ถ้าปฏิบัติอยู่นะ มันจะซึ้งใจสิ่งนี้มาก แล้วถือว่าถ้าเป็นธรรมจะเชื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กราบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยความเต็มหัวใจ
แต่ถ้าเป็นกิเลสมันจะเรียกร้องตามสิทธิมนุษยชน เรียกร้องตามกิเลส กิเลสเป็นเรื่องของโลก ธรรมเป็นเรื่องของธรรม ถ้าเราปรารถนาเรื่องของธรรม เราต้องเชื่อธรรมวินัย แล้วเรามีกรรมขนาดไหน เราต้องเชื่อกรรมของเรา แล้วเราทำอย่างนั้นนะ ถ้าเราบวชไม่ได้ เราก็ประพฤติปฏิบัติของเราเอาเองสิ นี่ประพฤติปฏิบัติ ใจสามารถเข้าถึงได้ทั้งหมด แต่ในเมื่อปฏิบัติ เราฝืนบวชไป กรรมอันนั้นจะปิดกั้นด้วย เวลาบวชนะ วิบัติ ๔ อุปัชฌาย์วิบัติ กรรมวาจาวิบัติ สีมาวิบัติ นี่วิบัติ ๔ นะ
ถ้าเราบวชวิบัติ ภาวนาเราก็ไม่เป็นไป แต่เราบวชเป็นพระไหม? เป็น! เป็นพระโดยสมมุติไง แต่ถ้าเราจะเป็นพระโดยหัวใจ มันจะภาวนาไป พอจิตมันจะสงบมันจะมีนิวรณ์มีสิ่งต่างๆ เข้าไปกวนใจ แล้วจิตจะเข้าสงบไม่ได้ หลวงปู่หลุยถึงได้บวชใหม่ หลวงปู่หลุยสงสัยในอุปัชฌาย์ แล้วหลวงปู่หลุยก็บวชซ้ำทัฬหีกรรม บวชซ้ำลงไป ขนาดบวชโดยที่อุปัชฌาย์ไม่บริสุทธิ์ หรือกรรมวาจาจารย์ไม่บริสุทธิ์ สีมาไม่บริสุทธิ์ มันยังภาวนาแล้วมันยังมีปัญหาในการภาวนาเลย
แล้วนี้บัญญัติไว้เลยว่า ห้าม แล้วเราจะไปบวชนี่ เราจะบวชมาเพื่อจะให้เป็นสิ่งที่ขวางใจเราเหรอ บวชมาเพื่อจะให้เราภาวนาแล้วไม่สมใจเราเหรอ ในเมื่อเราไม่บวช ไม่มีกฎกติกา คือว่ามันเป็นสิ่งว่าเสมอภาคทั้งหมด แล้วเราภาวนาไปของเรา ถ้ามันเป็นไปมันก็เป็นผลงานของเราขึ้นมาใช่ไหม เราเป็นคฤหัสถ์เราก็ภาวนาได้ เราเป็นพระเราก็ภาวนาได้ แต่สิทธิหรือตามธรรมวินัยบัญญัติไว้อย่างไร เราก็ต้องเคารพตามนั้น
เราถึงต้องเชื่อพินัยกรรม พินัยกรรมคือธรรมวินัยที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าวางไว้อย่างนี้ ๒,๕๐๐ ปีมาแล้ว แล้วเราจะไปแก้ไขของเราด้วยความเห็นของเราว่า เดี๋ยวนี้โลกเจริญแล้วๆ ตามสิทธิมนุษยชน นั้นเป็นเรื่องของกิเลสทั้งนั้น ถ้าเชื่อกิเลสก็ตามกิเลสไป ถ้าเชื่อธรรมไป ยอมรับธรรมอันนี้ เอวัง